ข่าวสังคม » ร้องทุกข์ » เลือกตั้งกำนันตำบลสุรนารี ส่อเค้าวุ่น  ร้องผู้ว่าฯ สอบ 2 ผญบ. เรียกรับเงินแลกโหวตแล้วเบี้ยว

เลือกตั้งกำนันตำบลสุรนารี ส่อเค้าวุ่น  ร้องผู้ว่าฯ สอบ 2 ผญบ. เรียกรับเงินแลกโหวตแล้วเบี้ยว

26 สิงหาคม 2024
622   0

เลือกตั้งกำนันตำบลสุรนารี ส่อเค้าวุ่น  “ผญบ.หมู่ 5 บ้านหนองบง”  ว่าที่ผู้สมัครฯ ร่วมกับทนาย  บุกยื่นหนังสือร้องผู้ว่าฯ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ให้สอบผู้ใหญ่บ้าน 2 ราย หลังเรียกรับสินบนล่วงหน้าคนละ 1 แสนบาท เพื่อแลกโหวตสนับสนุนเลือกตั้งกำนันแล้วเบี้ยว  

เวลา 09.30 น.วันนี้ (26 ส.ค.67) นายสัมฤทธิ์  ทูโคกกรวด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านหนองบง ต.สุรนารี  อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยนายปัญญา  ข่อมขันธ์ ทนายความ/นายกสมาคมผู้สื่อข่าวดิจิตอลและออนไลน์  เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายชัยวัฒน์   ชื่นโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดนคราชสีมา ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา  ให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการส่อทุจริตพร้อมข้อกล่าวหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 และ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  10 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งกำนัน ตำบลสุรนารี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 กันยายน 2567 นี้  โดยมี นายอาทิตย์ ชามขุนทด ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้มารับหนังสือร้องเรียน

โดยหนังสือร้องเรียนได้มีการกล่าวหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 และ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10  ข้อความระบุว่า ตามที่กำนันประจำตำบลสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา ได้หมดวาระลง เมื่อวันที่ 28กรกฎาคม 2567 และมีกำหนดการที่จะเลือกตั้งใหม่ ภายใน 45 วันนับแต่วันที่กำนันคนเก่าหมดวาระลงตามพระราชบัญญัติปกครองส่วนท้องที่  พุทธศักราช 2457 มาตรา 32

ต่อมาผู้ร้องคือนายสัมฤทธิ์  ทูโคกกรวด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านหนองบง คือผู้ที่จะสมัครลงเลือกตั้งเป็นกำนันคนต่อไป ได้มีการเจรจาหาเสียงกับผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 10 หมู่บ้าน แต่มี 2 หมู่บ้านคือ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10  ซึ่งได้เจรจาและมีการเรียกรับเงินเพื่อเป็นสินน้ำใจในการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานกระทำการหรืองดเว้นการกระทำ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร และเป็นการไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในการสรรหาผู้จะมาดำรงตำแหน่งกำนัน

 1. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4  แจ้งว่าหากตนยกมือให้กับนายสัมฤทธิ์  ทูโคกกรวดได้เป็นกำนัน ตนขอสินน้ำใจจำนวน 100,000 บาท โดยผู้ร้องก็ตกลง โดยโอนเงินเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 จำนวน 50,000 บาท โดยผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ของนายสัมฤทธิ์  ทูโคกกรวด เลขบัญชี X5766 ไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทย ของ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เลขที่บัญชี X5030 ต่อมาวันที่ 3 เมษายน 2567 ตนได้เอาเงินไปให้ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ที่บ้านอีกจำนวน 50,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 100,000 บาท และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 รับปากว่าจะยกมือใช้สิทธิให้คะแนนเสียงตัวเองเพื่อให้ได้เป็นกำนัน

2.ผู้ร้องได้เจรจากับ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 เรื่องการขอคะแนนเสียง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ก็เรียกรับสินบน จำนวน 100,000 บาทจากผู้ร้อง เพื่อแลกกับการยกมือให้คะแนนเสียงกับผู้ร้องในการเลือกตั้งกำนัน โดยวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ผู้ร้องได้ให้คนเอาเงินไปให้ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 50,000 บาท และประมาณช่วงวันที่ 3 เมษายน 2567 ผู้ร้องได้ให้คนเอาเงินไปให้ ที่ลานจอดรถตลาดเซฟวันอีกจำนวน 50,000 บาทผู้ใหญ่ก็รับไว้และตกลงจะยกมือให้คะแนนเสียงตน

หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านทั้ง  2 หมู่บ้านดังกล่าวข้างต้นได้รับเงินไปจากตนแล้ว มีการกล่าวอ้าง หาเรื่องตนต่างๆ นานา เพื่อมีเจตนาที่จะทำให้ผิดใจกันและเอนเอียงไปยังผู้สมัครท่านอื่น โดยตนสืบทราบมาว่าแคนดีเดตที่จะลงชิงตำแหน่งกำนัน ได้มีการให้สินบนแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ในปริมาณที่มากกว่าตน ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 เปลี่ยนใจและตัดสินใจไม่ช่วยเหลือผู้ร้อง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 เป็นการกระทำที่ผิดระเบียบวินัยข้าราชการ ตามพระราชบัญญัติปกครองส่วนท้องที่ พุทธศักราช 2457 , พระราชบัญญัติปกครองส่วนท้องที่ฉบับที่ 11 พ.ศ.2551 ,ประมวลกฎหมายอาญา

ต่อมาผู้ร้องกลัวว่าจะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์อันดีของตำบลที่สร้างมาดีอยู่แล้ว ตนพยายามเจรจา ไกล่เกลี่ยกับผู้ใหญ่บ้านทั้ง  2 หมู่บ้านให้นำเงินมาคืนผู้ร้องหากเปลี่ยนใจไม่เลือกตนแล้ว แต่ผู้ใหญ่ทั้ง 2 หมู่บ้านก็ปฎิเสธที่จะคืนเงินให้ตน

ตนจึงได้เดินทางเข้ามาขอความอนุเคราะห์จากนายอำเภอเพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ย ให้จบกันด้วยดีทั้ง  2 ฝ่าย และเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ทางอำเภอได้มีการนัดประชุมผู้ใหญ่บ้านตำบลสุรนารีทั้ง 10 หมู่บ้าน โดยการนัดประชุมผ่านปลัดอำเภอที่ดูแลตำบลนี้ เบื้องต้นได้มีการไกล่เกลี่ยผ่านปลัดอำเภอที่ดูแลตำบลสุรนารี และตนได้มีการเสนอว่าตนจะขอรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับภาพลักษณ์อันดีของตำบล แต่ผู้กระทำผิดอีกฝ่ายหนึ่งต้องสมัครใจลาออกด้วย แต่ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้านก็ไม่รับขอเสนอ และยังใช้กิริยาเกรี้ยวกราดใส่ผู้ร้อง ทำให้ผู้ร้องถูกด้อยค่าในที่ประชุมผู้ใหญ่บ้าน ผู้ร้องพยายามนำเสนอแนวทางออกทุกทางแล้วเพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่องค์กรที่ตนสังกัดอยู่ แต่ก็ไม่มีข้อสรุปว่าจะดำเนินการหาทางออกร่วมกันได้ และมีทางออกในปัญหานี้อย่างไร โดยทางปลัดอำเภอก็ยังได้ระบุวันที่เลือกตั้งกำนัน คือวันที่ 5 กันยายน 2567 ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มีข้อสรุป

จึงได้ตัดสินใจยื่นคำร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมฯ ในครั้งนี้ เพื่อให้ดำเนินการสอบวินัยข้าราชการทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้มีการรับโทษทางวินัย และได้โปรดมีคำสั่งดังนี้  1.ให้ผู้กระทำความผิดออกจากราชการและตัดสิทธิ์ทางการเมือง  2.ให้ขยายเวลาเลือกตั้งกำนันตำบลสุรนารีออกไปจนกว่า จะมีการไต่สวน และมีคำสั่งให้ถึงที่สุด

นายปัญญา ข่อมขันธ์ ทนายความ กล่าวว่า ด้วยความกังวลต่อภาพลักษณ์ และความเป็นธรรมในการเลือกตั้ง นายสัมฤทธิ์ ได้พยายามเจรจาขอคืนเงินที่ได้มอบไปให้ หากผู้ใหญ่บ้านทั้งสองไม่สามารถรักษาสัญญาเดิมได้ แต่การเจรจาดังกล่าวล้มเหลว ผู้ใหญ่บ้านทั้งสองปฏิเสธที่จะคืนเงินและแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมในที่ประชุมของผู้ใหญ่บ้านตำบลสุรนารี   นอกจากนี้ ยังเสนอตัวลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านด้วย เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ที่ดีของตำบล หากผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวหายอมรับเงื่อนไขเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ

ทางด้านนายอาทิตย์ ชามขุนทด ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา หลังจากที่รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ตนจะนัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินการตามระเบียบ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการเอาผิดตามระเบียบ  ส่วนเรื่องการขยายเวลาเลือกตั้งกำนันนั้น เนื่องจากการเลือกตั้งใกล้จะถึงในวันที่ 5 กันยายนนี้แล้ว ตนจะรีบนำเรื่องนี้เสนอต่อ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิจารณาว่าจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกหรือไม่ต่อไป